มื่อขึ้นปีใหม่ รัฐมนตรีต่างประเทศจีนจะไปเยือนทวีปแอฟริกาเป็นที่แรกเสมอ เป็นธรรมเนียมอันดีงามและเป็นคุณลักษณะโดดเด่นของการทูตจีน ซึ่งปฏิบัติต่อเนื่องมานาน 35 ปี ไม่เคยเปลี่ยนแปลง หรือลังเลใจ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีนกล่าวระหว่างการเยือนนามิเบียเมื่อวันจันทร์ (6 ม.ค.)
นักการทูตสูงสุดของจีนผู้นี้ยังเอ่ยกับนางเนตุมโบ นันดี-เอ็นไดตวาห์ ว่าที่ประธานาธิบดีซึ่งมาจากการเลือกตั้งของนามิเบียถึงเหตุผลหลักที่ทำให้แอฟริกาเป็นจุดเยือนแรกด้วยว่าเป็นเพราะจีนยึดมั่นในมิตรภาพที่ยั่งยืนกับแอฟริกาไม่ว่าในยามที่แอฟริกาดิ้นรนต่อสู้เพื่ออิสรภาพ และเอกราชของชาติ หรือในการเดินทางร่วมกันเพื่อแสวงหาผลประโยชน์และความร่วมมือ
ด้านนักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตในการเยือนนามิเบีย สาธารณรัฐคองโก ชาด และไนจีเรียครั้งนี้ว่า ในขณะที่รัฐบาลและนักลงทุนทั่วโลกเตรียมพร้อมกับการกลับมาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา เตรียมพร้อมกับสงครามในยูเครนและตะวันออกกลาง แต่หวังอี้กลับเดินทางไปเสริมสร้างอิทธิพลของพญามังกรอย่างเงียบๆ ทั้งที่ก็มีมากมายอยู่แล้วทั่วทวีปที่อุดมไปด้วยทรัพยากรแห่งนี้
เอริก ออร์แลนเดอร์ ผู้ร่วมก่อตั้งโครงการจีน-กลุ่มประเทศโลกใต้ (China-Global South Project) มองว่า การตัดสินใจว่าจะไปประเทศไหนในแต่ละปีของรัฐมนตรีต่างประเทศจีนนั้น แทบไม่ได้ขึ้นอยู่กับตรรกะภายนอกใดๆ เลย การมีส่วนร่วมกับแอฟริกาอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งแสดงให้เห็นจากธรรมเนียมปฏิบัติดังกล่าว ดังก้องกังวานอยู่ภายในแอฟริกา ตรงกันข้ามกับแนวทางของสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป (อียู)
จีนเชื่ออย่างแน่วแน่ว่าแอฟริกาไม่เคยเป็นทวีปที่ถูกลืม แต่เป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยศักยภาพในการพัฒนา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนระบุ
แอฟริกาเสนอช่องทางมากมายที่จีนมีความจำเป็นต้องใช้ในยามที่เศรษฐกิจจีนกำลังชะลอตัว ไม่ว่าจะเป็นการไปลงทุนของบริษัทโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ ซึ่งรัฐบาลท้องถิ่นมีภาระหนี้สินจนทำให้ไม่สามารถจัดสรรงบประมาณสำหรับดำเนินโครงการต่างๆ หรือช่องทางสำหรับตลาดรถไฟฟ้าและแผงโซลาร์เซลล์ ซึ่งสหรัฐฯ และอียูระบุว่า สินค้าจีนทะลักเข้ามาล้นตลาด
นอกจากนี้ ความพยายามของจีนในการปรับปรุงสถาบันพหุภาคีและการตีความบรรทัดฐานของโลกใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์ของจีนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นต่างๆ เช่น สิทธิมนุษยชนยังอาจได้ตัวช่วยจากคะแนนเสียงที่มีมากกว่า 50 คะแนนของชาติในแอฟริกาในการลงมติสหประชาชาติ
การไปเยือนชาดยังเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าจีนเริ่มเข้ามามีบทบาทกดดันด้านความมั่นคงในภูมิภาค หลังจากฝรั่งเศสยุติข้อตกลงความร่วมมือในการปราบปรามกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลามอย่างเหนือคาด และเริ่มถอนทหารออกจากประเทศในแอฟริกากลางแห่งนี้เมื่อเดือนที่แล้ว
ในขณะที่การเยือนแองโกลาเป็นการเยือนแอฟริกาในเขตตอนใต้ทะเลทรายซาฮาราเพียงครั้งเดียวของนายโจ ไบเดน ในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่จีนให้แอฟริกาอยู่แถวหน้าบนปฏิทินทางการทูต
จีนได้กลายเป็นศูนย์กลางนโยบายของแอฟริกาไปแล้วทั้งในฐานะผู้แสดงและแรงบันดาลใจ ตามความเห็นของฮันนา ไรเดอร์ ผู้ก่อตั้ง Development Reimagined บริษัทที่ปรึกษาซึ่งชาวแอฟริกันเป็นเจ้าของ
อานิสงส์จากธรรมเนียมปฏิบัติการเยือนแอฟริกาก่อนเป็นที่แรกในปีใหม่จึงเป็นเช่นนี้เอง